MEDIKALABS-medika-oem-logo

คอลลาเจน (Collagen) คืออะไร มีประโยชน์ต่อผิวอย่างไรบ้าง

คอลลาเจนคือ

คอลลาเจน (Collagen) คืออะไร มีประโยชน์ต่อผิวอย่างไรบ้าง

หากพูดถึงตัวช่วยเรื่องผิวสวย อ่อนเยาว์คงจะไม่เอ่ยถึง Collagen ไม่ได้ เพราะเป็นชื่อแรกๆ ที่ทุกคนมักจะนึกถึงประโยชน์เรื่องผิว แต่นอกจากเรื่องผิวแล้วประโยชน์ของคอลลาเจน มีอะไรบ้างนอกเหนือจากนั้น คอลลาเจนช่วยเรื่องอะไร บทความนี้ Medika Lads จะพาไปรู้จักเกร็ดความรู้ดีๆ ของคอลลาเจนที่นอกจากผิวจะสวยแล้ว ยังมีประโยชน์หลายอย่างที่คุณต้องห้ามพลาด


คอลลาเจน (Collagen) คืออะไร

คอลลาเจนคือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่มีมากที่สุดในร่างกาย เป็นเส้นใยที่ทำหน้าที่ยึดเกาะส่วนต่างๆ ในร่างกาย พบมากใน ผิวหนัง กระดูก กล้ามเนื้อ เล็บ ผม ข้อต่อ เส้นเอ็น หลอดเลือด มีส่วนช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงให้กับอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น กระชับ เรียบเนียน 

ร่างกายมนุษย์สามารถผลิตคอลลาเจนได้เอง แต่เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตคอลลาเจนในร่างกายจะน้อยลง ทำให้การเชื่อมต่อเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ในร่างกายไม่ดีเท่าเดิม เป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น มีริ้วรอย และข้อต่อเสื่อม ไม่ยืดหยุ่นแข็งแรงเหมือนตอนเป็นวัยรุ่น


 

ประเภทของคอลลาเจนที่พบในร่างกาย 

ทราบหรือไม่? คอลลาเจน เป็นโปรตีนที่มีมากที่สุดในร่างกายมีปริมาณถึง 1 ใน 3 ของโปรตีนทั้งหมดในร่างกาย คิดเป็น 6 เปอร์เซ็นต์ ของน้ำหนักตัว ในปัจจุบันมีการค้นพบคอลลาเจนแล้วกว่า 18 ชนิด แต่มีคอลลาเจน 5 ชนิด ที่พบได้มากที่สุด ได้แก่



คอลลาเจนไดเปปไทด์คือ

คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I)

เป็นคอลลาเจนที่มีความแข็งแรง ยืดหยุ่นมากที่สุด มีส่วนช่วยในการเพิ่มความยืดหุ่นของกล้ามเนื้อ ป้องกันการฉีกขาดของเนื้อเยื่อ ช่วยสมานแผลได้ดี พบมากถึง 90% ของคอลลาเจนในร่างกาย อยู่ในผิวหนัง กระดูก เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ หลอดเลือด 

คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen Type II) 

คอลลาเจนที่มีความยืดหยุ่นสูงมาก ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์บริเวณข้อต่อ ช่วยสร้างเสริมกระดูกอ่อนให้แข็งแรง มักพบในกระดูกอ่อน และข้อต่อตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย 

คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Collagen Type III)

เป็นคอลลาเจนที่ทำหน้าที่ใกล้เคียงกับ คอลลาเจนชนิดที่ 1 และมักพบอยู่ร่วมกับคอลลาเจนชนิดที่ 1 ในกล้ามเนื้อ ผิวหนัง หลอดเลือด พบมากในผิวหนังที่มีการสร้างใหม่ หรือในผิวหนังของเด็ก

คอลลาเจนชนิดที่ 4 (type IV)

คือคอลลาเจนที่มีลักษณะเฉพาะตัว มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและหลอดเลือด มักพบในเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ที่ห่อหุ้มกล้ามเนื้อและไขมัน

คอลลาเจนชนิดที่ 5 (Collagen Type V)

เป็นคอลลาเจนที่เป็นองค์ประกอบของเซลล์เยื่อบุผิว มักพบในเซลล์ผิว เส้นผม และเนื้อเยื่อของทารกในครรภ์


 

คอลลาเจนเปปไทด์ (Collagen Peptide) คืออะไร

คอลลาเจนเปปไทด์ (Collagen Peptide) เป็นการสกัดคอลลาเจน ย่อยสลายโมเลกุลผ่านกระบวนการไฮโดรไลซิส (hydrolysis) ให้สายเปปไทด์มีขนาดสั้นลง เมื่อโมเลกุลคอลลาเจนมีขนาดเล็กลงทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดีขึ้น ซึ่งมีทั้งคอลลาเจนไตรเปปไทด์ และคอลลาเจนไดเปปไทด์

 

คอลลาเจนเปปไทด์คือ


คอลลาเจนไตรเปปไทด์ (collagen tripeptide)

คอลลาเจนไตรเปปไทด์ (collagen tripeptide) คือ คอลลาเจนที่สกัดให้มีขนาดเล็กลง ผ่านกระบวนการไฮโดรไลซิส (hydrolysis) ประกอบด้วยกรดอะมิโนเรียงกัน 3 ตัว สามารถทำละลายน้ำได้ดีมาก ร่างกายดูดซึมและย่อยได้ดีขึ้น

คอลลาเจนไดเปปไทด์ (collagen dipeptide)

คอลลาเจนไดเปปไทด์ (collagen dipeptide) คือ คอลลาเจนที่สกัดให้มีขนาดเล็กลง ผ่านกระบวนการไฮโดรไลซิสเช่นเดียวกัน โดยประกอบไปด้วยกรดอะมิโนเรียงกัน 2 ตัว ทำให้สามารถดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้โดยตรง เนื่องจากมีขนาดเล็กมาก จึงไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อยที่ลำไส้เล็ก และดูดซึมได้ดีกว่าคอลลาเจนไตรเปปไทด์ ถึง 55 เท่า


 

ไฮโดรไลซ์ คอลลาเจน (Hydrolyzed Collagen) คืออะไร

ไฮโดรไลซ์ คอลลาเจน (Hydrolyzed Collagen) คือ คอลลาเจนที่ผ่านกระบวนการย่อยด้วยกรด ให้มีขนาดของอนุภาคเล็กกว่าคอลลาเจนแบบปกติ แต่ยังคงมีคุณประโยชน์ของคอลลาเจนอยู่เช่นเดิม เมื่อมีขนาดที่เล็กลงจึงทำให้ร่างกายดูดซึมได้ง่าย และดูดซึมได้ดีกว่าคอลลาเจนแบบปกติ 3 – 4 เท่า 


 

ใต้ผิวหนังกับคอลลาเจน 

หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าใต้ผิวหนังในชั้นหนังแท้นอกจากคอลลาเจนแล้วยังมีอิลาสติน (Elastin) ที่มีหน้าที่เหมือนคอลลาเจน แต่มีความยืดหยุ่นสูงกว่า และช่วยป้องกันภาวะกระดูกพรุน นอกจากนี้ยังมีกรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid) ที่ช่วยกักเก็บน้ำให้ผิวหนังชุ่มชื้น โดยทำงานร่วมกันเพื่อให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น ดูกระชับ เรียบเนียน  ไม่มีริ้วรอยนั่นเอง

 

hydrolyzed collagenคือ


 

ประโยชน์ของคอลลาเจนคืออะไร ช่วยอะไรบ้าง 

การรับประทานคอลลาเจนยังมีประโยชน์ต่อร่างกายในเรื่องอื่นๆ ด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องผิวอย่างเดียว ซึ่งประโยชน์ของคอลลาเจน ได้แก่ 

  • ผิวชุ่มชื้นสุขภาพดี อิ่มน้ำ ละเอียด และความเรียบเนียนขึ้น

  • รอยดำ ฝ้าบริเวณใบหน้าดูจางลง

  • ริ้วรอยดูตื้นขึ้น ลดลง

  • ช่วยบำรุงเล็บ และผมให้แข็งแรง

  • มีส่วนช่วยเรื่องของกระดูก โดยทำการเสริมสร้าง ซ่อมแซมกระดูกอ่อน ข้อต่อ และยังชะลอการสลายของกระดูก

  • คอลลาเจนยังช่วยเรื่องการแข็งตัวของเลือด การสมานแผล และระบบประสาท

collagen type 2คือ


 

สิ่งที่ทำลายคอลลาเจนและควรหลีกเลี่ยง มีอะไรบ้าง

นอกจากการรับประทานคอลลาเจนเข้าไปเพิ่มเติมแล้ว อย่างที่เรารู้กันดีว่าในร่างกายของคนเราก็สามารถสร้างคอลลาเจนได้เช่นเดียวกัน แต่ทราบไหมว่ามีสิ่งที่ทำลายคอลลาเจนได้ด้วย มีอะไรบ้างที่ควรหลีกเลี่ยง เรามาดูกัน

 

  • การเกิดความเครียด : เมื่อเกิดความเครียดร่างกายจะผลิตคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่จะไปทำลายคอลลาเจน และลดการผลิตคอลลาเจนในร่างกาย หากมีความเครียดบ่อย จะทำให้ผิวดูโทรม มีริ้วรอย ดูแก่กว่าวัยมากกว่าคนที่ไม่ค่อยเครียด 

 

  • การพักผ่อนน้อย : การพักผ่อนน้อยทำให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว คนที่อดนอนบ่อยๆ มักจะดูโทรม ผิวไม่ใส และอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ อีกมาก

 

  • สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ : การสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ เป็นการทำลายคอลลาเจนโดยตรงที่หลายคนมักทำสิ่งนี้ในชีวิตประจำวัน โดยสารพิษในบุหรี่จะเข้าไปทำลายคอลลาเจน อิลาสติน และวิตามินซีที่ช่วยในการผลิตคอลลาเจน ส่วนแอลกอฮอล์จะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ ซึ่งจะทำให้ร่างกายสูญเสียคอลลาเจนด้วยเช่นกัน


  • รับประทานอาหาร หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลมากเกินไป : การทานอาหารที่มีน้ำตาลมากเกินไป น้ำตาลที่เผาผลาญไม่หมดจะเข้าไปทำลายโครงสร้างของคอลลาเจน และอิลาสตินให้เสื่อมสภาพลง นอกจากนี้ยังทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระในร่างกาย อีกทั้งยังทำให้เกิดโรคเบาหวานและโรคอ้วนอีกด้วย

 

  • โดนแดดเป็นประจำ : รังสียูวีจากแดดในชีวิตประจำวันที่เราเจอบ่อยๆ นั้นจะเข้าไปเซลล์ที่สร้างเสริมคอลลาเจน นอกจากนี้ยังอาจทำให้ผิวคล้ำเสีย ผิวหนังอักเสบ และถึงขั้นเป็นมะเร็งผิวหนังได้ จึงต้องหลีกเลี่ยงการโดนแดดช่วง 09.00 น. – 16.00 น. และทาครีมกันแดดเป็นประจำ และสม่ำเสมอไม่ให้ขาด

 

อาหารที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน 

คอลลาเจนนอกจากร่างกายจะสร้างขึ้นเองได้แล้วยังมีอยู่ในอาหารชนิดต่างๆ การรับประทานอาหารในชีวิตประจำวัน จึงช่วยเสริมคอลลาเจนให้แก่ร่างกายได้อีกด้วย อาหารที่มีคอลลาเจนสูง เช่น

 

  • อาหารที่มีโปรตีนสูง : อย่างที่รู้กันดีกรดอะมิโนที่เป็นส่วนประกอบของโปรตีน ดังนั้นอาหารที่มีโปรตีนสูงจะมีคอลลาเจนอยู่มาก เช่น เนื้อไก่ เนื้อวัว ปลาแซลมอน ไข่ขาว และธัญพืชที่มีโปรตีนสูง

 

  • ผักใบเขียว แดง ส้ม : ผักเหล่านี้อุดมไปด้วยวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน และย่อยสลายคอลลาเจนให้ดูดซึมได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการบำรุงผิว ลดริ้วรอยได้ดี

 

  • ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง : เนื่องจากวิตามินซีเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างเสริมคอลลาเจน และยังช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ดี ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมักจะเป็นผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ฝรั่ง ส้ม กีวี่ เบอร์รี่ สับปะรด

 

  • ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง : มีสารเจนิสเตอีน (genistein) สูง ซึ่งจะช่วยสร้างเสริมคอลลาเจน และต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น นมถั่วเหลือง น้ำเต้าหู้ เต้าหู้ ชีส

 

  • ซุปต้มกระดูก : เนื่องจากในระหว่างการต้มน้ำซุปกระดูก จะมีการผลิตคอลลาเจนออกมาด้วย นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ และโปรตีนที่ปราศจากไขมัน กระดูกที่นำมาต้ม เช่น กระดูกหมู กระดูกไก่ กระดูกวัว

 

  • หอยนางรม : มีสารอาหารทั้งสังกะสี วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี วิตามินดี และกรดอะมิโน มีส่วนช่วยในการสร้างเสริมคอลลาเจน นอกจากนี้ยังมีสารอาหารอีกมากมาย เช่น ธาตุเหล็ก โอเมก้า 3

collagenคือ


 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับคอลลาเจน

ตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับ collagen ที่คุณต้องอยากรู้

ผลิตภัณฑ์คอลลาเจนเสริมช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์จริงหรือ

คอลลาเจนสามารถช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์ได้จริง เพราะการทานคอลลาเจนช่วยเข้าไปเสริม และลดความเสื่อมของคอลเจนในชั้นผิวหนัง  โดยควรทานต่อเนื่องเป็นประจำ 4 สัปดาห์ขึ้นไป

กินคอลลาเจนมีผลข้างเคียงไหม 

หากรับประทานคอลลาเจนที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ปลอดภัย อาจจะส่งผลข้างเคียงที่อันตรายต่อร่างกายได้ เช่น หัวใจเต้นผิดปกติ หรือร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ นอกจากนั้นบางรายมีอาการแพ้คอลลาเจนบางชนิดอย่างคอลลาเจนจากปลาทะเล  อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ คันตามผิวหนัง ท้องเสีย เป็นต้น

 

collagen

 

ควรกินคอลลาเจนวันละกี่มิลลิกรัม 

การรับประทานคอลลาเจนควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรรับประทานในปริมาณมากเกินไปเพราะอาจทำให้ส่งผลไม่ดีต่อร่างกายในระยะยาว สำหรับการรับประทานอาหารเสริมทุกชนิด โดยปริมาณของคอลลาเจนที่ควรรับประทานต่อวันคือ 5,000 – 7,000 มิลลิกรัมต่อวัน และไม่ควรเกิน 10,000 มิลลิกรัมต่อวัน


 

รับผลิตอาหารเสริมคอลลาเจนบำรุงผิว  

Medika Labs โรงงานผลิตอาหารเสริม รับผลิตผงชงดื่ม และอื่นๆอีกมากมาย พร้อมบริการครบวงจร คุณสามารถเลือกผลิตแบบ OEM หรือ ODM ได้ตามความต้องการ การันตีได้ว่าสินค้าที่ได้รับจากโรงงานของเราจะโดดเด่น คุณภาพพรีเมี่ยม เพราะด้วยกระบวนการผลิตที่ทันสมัย ได้มาตรฐานสากลรับรองจากต่างประเทศ มีทีมผู้เชี่ยวชาญมากมายหลายด้านทั้งด้านวัตถุดิบ คิดค้นสูตร หรือแม้กระทั่งด้านการตลาด ซึ่งเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นสร้างแบรนด์ตัวเอง เพราะเราจะคอยช่วยเหลือคุณทุกขั้นตอน ไม่ให้คุณต้องกังวลใจแม้แต่นิดเดียว

 

นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณควรเลือกโรงงานผลิตคอลลาเจนอย่าง Medika Labs  เพราะเราใส่ใจในธุรกิจของคุณเหมือนกับธุรกิจตัวเอง พร้อมพาคุณประสบความสำเร็จ และนำสินค้าที่มีคุณภาพที่ผ่านการคิดค้น ทดลองสูตรที่ดีที่สุดออกวางขาย 

 

สนใจผลิตคอลลาเจนตอนนี้ ปรึกษาเพิ่มเติมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ติดต่อสอบถามเราได้เลยที่ช่องทาง

 

Tel: 083-5662892, 082-4622289, 02-6863469

Facebook : https://www.facebook.com/medikalabs 

Line OA : คลิก > https://lin.ee/21n2Eoo

รับผลิตอาหารเสริม